การฟ้องหย่าในประเทศไทยเป็นกระบวนการทางกฎหมายที่สามารถดำเนินการได้หากมีข้อขัดแย้งหรือเหตุผลที่เป็นเหตุให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข ผ่านกระบวนการทางกฎหมาย
1.การหย่ามีกี่ประเภท?
การหย่าในประเทศไทยมี 2 ประเภทหลัก คือ
- การหย่าตามความสมัครใจ (หย่าโดยการตกลง)
- การฟ้องหย่าผ่านศาล (หย่าโดยคำสั่งศาล)
โดยในส่วนของการฟ้องหย่าผ่านศาลนั้น สามารถทำได้โดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ต้องการหย่า แต่จะต้องมีเหตุผลที่กฎหมายกำหนดไว้ โดย ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1516 ระบุว่า การฟ้องหย่าสามารถทำได้ในกรณีต่อไปนี้
(1) สามีหรือภริยาอุปการะเลี้ยงดูหรือยกย่องผู้อื่นฉันภริยาหรือสามี เป็นชู้หรือมีชู้ หรือร่วมประเวณีกับผู้อื่นเป็นอาจิณ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(2) สามีหรือภริยาประพฤติชั่ว ไม่ว่าความประพฤติชั่วนั้นจะเป็นความผิดอาญาหรือไม่ ถ้าเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่ง
(ก) ได้รับความอับอายขายหน้าอย่างร้ายแรง
(ข) ได้รับความดูถูกเกลียดชังเพราะเหตุที่คงเป็นสามีหรือภริยาของฝ่ายที่ประพฤติชั่วอยู่ต่อไป หรือ
(ค) ได้รับความเสียหายหรือเดือดร้อนเกินควร ในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(3) สามีหรือภริยาทำร้าย หรือทรมานร่างกายหรือจิตใจ หรือหมิ่นประมาทหรือเหยียดหยามอีกฝ่ายหนึ่งหรือบุพการีของอีกฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ ถ้าเป็นการร้ายแรง อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4) สามีหรือภริยาจงใจละทิ้งร้างอีกฝ่ายหนึ่งไปเกินหนึ่งปี อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/1)2 สามีหรือภริยาต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และได้ถูกจำคุกเกินหนึ่งปีในความผิดที่อีกฝ่ายหนึ่งมิได้มีส่วนก่อให้เกิดการกระทำความผิดหรือยินยอมหรือรู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดนั้นด้วย และการเป็นสามีภริยากันต่อไปจะเป็นเหตุให้อีกฝ่ายหนึ่งได้รับความเสียหายหรือเดือนร้อนเกินควร อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(4/2)3 สามีและภริยาสมัครใจแยกกันอยู่เพราะเหตุที่ไม่อาจอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาได้โดยปกติสุขตลอดมาเกินสามปี หรือแยกกันอยู่ตามคำสั่งของศาลเป็นเวลาเกินสามปี ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(5)4 สามีหรือภริยาถูกศาลสั่งให้เป็นคนสาบสูญ หรือไปจากภูมิลำเนาหรือถิ่นที่อยู่เป็นเวลาเกินสามปีโดยไม่มีใครทราบแน่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(6) สามีหรือภริยาไม่ให้ความช่วยเหลืออุปการะเลี้ยงดูอีกฝ่ายหนึ่งตามสมควรหรือทำการเป็นปฏิปักษ์ต่อการที่เป็นสามีหรือภริยากันอย่างร้ายแรง ทั้งนี้ ถ้าการกระทำนั้นถึงขนาดที่อีกฝ่ายหนึ่งเดือดร้อนเกินควรในเมื่อเอาสภาพ ฐานะและความเป็นอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยามาคำนึงประกอบ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(7) สามีหรือภริยาวิกลจริตตลอดมาเกินสามปี และความวิกลจริตนั้นมีลักษณะยากจะหายได้ กับทั้งความวิกลจริตถึงขนาดที่จะทนอยู่ร่วมกันฉันสามีภริยาต่อไปไม่ได้ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(8) สามีหรือภริยาผิดทัณฑ์บนที่ทำให้ไว้เป็นหนังสือในเรื่องความประพฤติ อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้
(9) สามีหรือภริยาเป็นโรคติดต่ออย่างร้ายแรงอันอาจเป็นภัยแก่อีกฝ่ายหนึ่งและโรคมีลักษณะเรื้อรังไม่มีทางที่จะหายได้ อีกฝ่ายหนึ่งนั้นฟ้องหย่าได้
(10) สามีหรือภริยามีสภาพแห่งกาย ทำให้สามีหรือภริยานั้นไม่อาจร่วมประเวณีได้ตลอดกาล อีกฝ่ายหนึ่งฟ้องหย่าได้ “
2. การเตรียมตัวก่อนฟ้องหย่า
หากคุณกำลังคิดจะฟ้องหย่า คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อมในหลายด้าน ดังนี้
2.1 การรวบรวมหลักฐาน
การเตรียมหลักฐานเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการฟ้องหย่า ซึ่งจะช่วยให้การฟ้องร้องมีความน่าเชื่อถือและสามารถยืนยันข้อกล่าวหาที่ฟ้องได้ เช่น
- เอกสารการสมรส (เช่น สำเนาทะเบียนสมรส)
- หลักฐานการกระทำที่ผิดกฎหมาย เช่น ภาพถ่าย, ข้อความ, หรือบันทึกที่แสดงถึงพฤติกรรมที่ละเมิดกฎหมาย
- พยาน ที่สามารถให้การสนับสนุนเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ทำให้คุณตัดสินใจฟ้องหย่า
- หลักฐานทางการเงิน เช่น เอกสารแสดงถึงการแบ่งทรัพย์สินหากต้องมีการตกลงแบ่งสินสมรส
2.2 การขอคำปรึกษาจากทนายความ
การมีทนายความที่มีความรู้ในเรื่องการฟ้องหย่าจะช่วยให้กระบวนการต่างๆ เป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทนายความจะสามารถแนะนำเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการฟ้องหย่า เช่น:
- ขั้นตอนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
- สิทธิในการแบ่งทรัพย์สิน
- การรับรองสิทธิในการดูแลบุตร (หากมีบุตร)
2.3 การพิจารณาผลกระทบต่างๆ
การฟ้องหย่าอาจมีผลกระทบทางกฎหมายและสังคม เช่น การแบ่งสินสมรส, การดูแลบุตร, และการต้องใช้ชีวิตใหม่ คุณจึงควรพิจารณาผลกระทบเหล่านี้ให้ดี
3. ขั้นตอนในการฟ้องหย่า
หากทุกอย่างพร้อมแล้ว คุณสามารถดำเนินการฟ้องหย่าตามขั้นตอนดังนี้:
3.1 ยื่นคำฟ้องต่อศาล
การฟ้องหย่าต้องยื่นคำฟ้องไปยัง ศาลเยาวชนและครอบครัว ซึ่งจะต้องมีการร่างคำฟ้องและยื่นหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไปยังศาล โดยมีขั้นตอนดังนี้
- ร่างคำฟ้องและยื่นต่อศาล
- ศาลจะส่งคำฟ้องไปยังคู่กรณี
- มีการนัดไกล่เกลี่ยเพื่อหาทางออก
- หากไม่สามารถตกลงกันได้ จะมีการตัดสินคดี
3.2 การไกล่เกลี่ย
ศาลอาจจะมีการไกล่เกลี่ยก่อนที่จะมีการตัดสิน หากทั้งสองฝ่ายสามารถตกลงกันได้ ก็จะสามารถหย่าได้โดยการยอมรับกันเอง
3.3 การตัดสินของศาล
หากไม่สามารถตกลงกันได้ ศาลจะทำการพิจารณาหลักฐานและข้อเท็จจริงที่มีอยู่เพื่อให้การตัดสินคดีเป็นไปตามข้อกฎหมาย ซึ่งอาจจะมีคำสั่งให้หย่าได้ หากคู่สมรสถูกพิสูจน์ว่าผิดตามเหตุผลที่กฎหมายกำหนด
3.4 การแบ่งสินสมรส
หากมีการฟ้องหย่าและการตัดสินของศาลให้หย่า ศาลจะพิจารณาการแบ่งทรัพย์สินที่เกิดจากการสมรส ซึ่งจะพิจารณาให้เป็นไปตามความเหมาะสม โดยทั้งสองฝ่ายอาจมีสิทธิในการแบ่งทรัพย์สินที่สะสมร่วมกันระหว่างสมรส
4. ผลกระทบจากการฟ้องหย่า
การฟ้องหย่าอาจมีผลกระทบหลายประการที่ควรพิจารณา เช่น:
- การดูแลบุตร: หากมีบุตรที่เกิดจากการสมรส หากตกลงไม่ได้ ศาลอาจจะพิจารณาให้ทั้งสองฝ่ายมีหน้าที่ในการดูแลบุตรร่วมกัน
- การแบ่งทรัพย์สิน: การแบ่งสินสมรสอาจจะทำให้เกิดข้อพิพาทในกรณีที่มีทรัพย์สินจำนวนมาก
สรุป
การฟ้องหย่าเป็นกระบวนการที่สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมายในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีเหตุผลที่ทำให้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ การเตรียมตัวที่ดีในการฟ้องหย่าคือการรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง การขอคำปรึกษาจากทนายความ และการพิจารณาผลกระทบต่างๆ ก่อนการตัดสินใจฟ้องหย่า
#ทนายเชียงใหม่ #ทนายความเชียงใหม่