ความหมายของคดีมรดก
คดีมรดก หมายถึงการดำเนินคดีในกรณีที่มีข้อพิพาทเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ตาย โดยผู้มีส่วนได้เสีย เช่น ทายาทโดยธรรม หรือผู้รับพินัยกรรม มีข้อขัดแย้งในเรื่องสิทธิในการรับมรดก การแบ่งมรดก หรือความถูกต้องของพินัยกรรม
กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับมรดก
คดีมรดกในประเทศไทยถูกกำหนดภายใต้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 6 ว่าด้วยมรดก โดยมีบทบัญญัติที่สำคัญ ดังนี้
หลักกฎหมายสำคัญเกี่ยวกับมรดก
1. การเป็นทายาทโดยธรรม
- มาตรา 1629 วางหลักว่า ทายาทโดยธรรมมี 6 ลำดับ คือ
- ผู้สืบสันดาน (ลูก หลาน)
- บิดามารดา
- พี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน
- พี่น้องร่วมบิดาหรือมารดาเดียวกัน
- ปู่ ย่า ตา ยาย
- ลุง ป้า น้า อา
- คู่สมรสที่ยังมีชีวิตอยู่ขณะเจ้ามรดกถึงแก่กรรมเป็นทายาทโดยธรรมเช่นกัน
2. การจัดการมรดก
- มาตรา 1711 ผู้จัดการมรดกนั้นรวมตลอดทั้งบุคคลที่ตั้งขึ้นโดยพินัยกรรมหรือโดยคำสั่งศาล
- มาตรา 1712 ผู้จัดการมรดกโดยพินัยกรรมอาจตั้งขึ้นได้ (1) โดยผู้ทำพินัยกรรมเอง (2) โดยบุคคลซึ่งระบุไว้ในพินัยกรรม ให้เป็นผู้ตั้ง
- มาตรา 1713 ทายาทหรือผู้มีส่วนได้เสียหรือพนักงานอัยการจะร้องต่อศาลขอให้ตั้งผู้จัดการมรดกก็ได้ ในกรณีดังต่อไปนี้
- (๑) เมื่อเจ้ามรดกตาย ทายาทโดยธรรมหรือผู้รับพินัยกรรมได้สูญหายไป หรืออยู่นอกราชอาณาเขต หรือเป็นผู้เยาว์
- (๒) เมื่อผู้จัดการมรดกหรือทายาทไม่สามารถ หรือไม่เต็มใจที่จะจัดการ หรือมีเหตุขัดข้องในการจัดการ หรือในการแบ่งปันมรดก
- (๓) เมื่อข้อกำหนดพินัยกรรมซึ่งตั้งผู้จัดการมรดกไว้ไม่มีผลบังคับได้ด้วยประการใด ๆ
- วรรคสอง การตั้งผู้จัดการมรดกนั้น ถ้ามีข้อกำหนดพินัยกรรมก็ให้ศาลตั้งตามข้อกำหนดพินัยกรรม และถ้าไม่มีข้อกำหนดพินัยกรรม ก็ให้ศาลตั้งเพื่อประโยชน์แก่กองมรดกตามพฤติการณ์และโดยคำนึงถึงเจตนาของเจ้ามรดก แล้วแต่ศาลจะเห็นสมควร
3. พินัยกรรม
มาตรา 1655 พินัยกรรมนั้น จะทำได้ก็แต่ตามแบบใดแบบหนึ่งดังที่บัญญัติไว้ในหมวดนี้
มาตรา 1656 พินัยกรรมนั้น จะทำตามแบบดังนี้ก็ได้ กล่าวคือต้องทำเป็นหนังสือลงวัน เดือน ปี ในขณะที่ทำขึ้น และผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อไว้ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน ซึ่งพยานสองคนนั้นต้องลงลายมือชื่อรับรองลายมือชื่อของผู้ทำพินัยกรรมไว้ในขณะนั้น
การขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่จะได้ปฏิบัติตามแบบอย่างเดียวกับการทำพินัยกรรมตามมาตรานี้
มาตรา 1657 พินัยกรรมนั้น จะทำเป็นเอกสารเขียนเองทั้งฉบับก็ได้ กล่าวคือผู้ทำพินัยกรรมต้องเขียนด้วยมือตนเองซึ่งข้อความทั้งหมด วัน เดือน ปี และลายมือชื่อของตน
การขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรมจะได้ทำด้วยมือตนเอง และลงลายมือชื่อกำกับไว้
บทบัญญัติมาตรา ๙ แห่งประมวลกฎหมายนี้ มิให้ใช้บังคับแก่พินัยกรรมที่ทำขึ้นตามมาตรานี้
มาตรา 1658 พินัยกรรมนั้น จะทำเป็นเอกสารฝ่ายเมืองก็ได้ กล่าวคือ
(๑) ผู้ทำพินัยกรรมต้องไปแจ้งข้อความที่ตนประสงค์จะให้ใส่ไว้ในพินัยกรรมของตนแก่กรมการอำเภอต่อหน้าพยานอีกอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน
(๒) กรมการอำเภอต้องจดข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งให้ทราบนั้นลงไว้ และอ่านข้อความนั้นให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยานฟัง
(๓) เมื่อผู้ทำพินัยกรรมและพยานทราบแน่ชัดว่า ข้อความที่กรมการอำเภอจดนั้นเป็นการถูกต้องตรงกันกับที่ผู้ทำพินัยกรรมแจ้งไว้แล้ว ให้ผู้ทำพินัยกรรมและพยานลงลายมือชื่อไว้เป็นสำคัญ
(๔) ข้อความที่กรมการอำเภอจดไว้นั้น ให้กรมการอำเภอลงลายมือชื่อและลงวัน เดือน ปี ทั้งจดลงไว้ด้วยตนเองเป็นสำคัญว่า พินัยกรรมนั้นได้ทำขึ้นถูกต้องตามบทบัญญัติอนุมาตรา ๑ ถึง ๓ ข้างต้น แล้วประทับตราตำแหน่งไว้เป็นสำคัญ
การขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรม พยาน และกรมการอำเภอจะได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้
มาตรา 1660 พินัยกรรมนั้น จะทำเป็นเอกสารลับก็ได้ กล่าวคือ
(๑) ผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อในพินัยกรรม
(๒) ผู้ทำพินัยกรรมต้องผนึกพินัยกรรมนั้น แล้วลงลายมือชื่อคาบรอยผนึกนั้น
(๓) ผู้ทำพินัยกรรมต้องนำพินัยกรรมที่ผนึกนั้นไปแสดงต่อกรมการอำเภอ และพยานอีกอย่างน้อยสองคน และให้ถ้อยคำต่อบุคคลทั้งหมดเหล่านั้นว่าเป็นพินัยกรรมของตน ถ้าพินัยกรรมนั้นผู้ทำพินัยกรรมมิได้เป็นผู้เขียนเองโดยตลอด ผู้ทำพินัยกรรมจะต้องแจ้งนามและภูมิลำเนาของผู้เขียนให้ทราบด้วย
(๔) เมื่อกรมการอำเภอจดถ้อยคำของผู้ทำพินัยกรรมและวัน เดือน ปี ที่ทำพินัยกรรมมาแสดงไว้บนซองนั้นและประทับตราตำแหน่งแล้ว ให้กรมการอำเภอผู้ทำพินัยกรรมและพยานลงลายมือชื่อบนซองนั้น
การขูดลบ ตก เติม หรือการแก้ไขเปลี่ยนแปลงอย่างอื่นซึ่งพินัยกรรมนั้นย่อมไม่สมบูรณ์ เว้นแต่ผู้ทำพินัยกรรมจะได้ลงลายมือชื่อกำกับไว้
มาตรา 1663 เมื่อมีพฤติการณ์พิเศษซึ่งบุคคลใดไม่สามารถจะทำพินัยกรรมตามแบบอื่นที่กำหนดไว้ได้ เช่น ตกอยู่ในอันตรายใกล้ความตาย หรือเวลามีโรคระบาด หรือสงคราม บุคคลนั้นจะทำพินัยกรรมด้วยวาจาก็ได้
เพื่อการนี้ ผู้ทำพินัยกรรมต้องแสดงเจตนากำหนดข้อพินัยกรรมต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนซึ่งอยู่พร้อมกัน ณ ที่นั้น
พยานสองคนนั้นต้องไปแสดงตนต่อกรมการอำเภอโดยมิชักช้าและแจ้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมได้สั่งไว้ด้วยวาจานั้น ทั้งต้องแจ้งวัน เดือน ปี สถานที่ที่ทำพินัยกรรมและพฤติการณ์พิเศษนั้นไว้ด้วย
ให้กรมการอำเภอจดข้อความที่พยานแจ้งนั้นไว้ และพยานสองคนนั้นต้องลงลายมือชื่อไว้ หรือมิฉะนั้น จะให้เสมอกับการลงลายมือชื่อได้ก็แต่ด้วยลงลายพิมพ์นิ้วมือโดยมีพยานลงลายมือชื่อรับรองสองคน
ตัวอย่างคดีมรดก
กรณีที่ 1: การขัดแย้งเรื่องสิทธิทายาท
นาย ก ถึงแก่กรรมโดยไม่มีพินัยกรรม มีทรัพย์สินเป็นบ้านและที่ดิน ทายาทโดยธรรมของนาย ก ประกอบด้วยภรรยา ลูก 2 คน และพี่ชายของนาย ก ลูกคนโตอ้างว่าตนควรได้รับที่ดินทั้งหมด ขณะที่ภรรยาและลูกคนเล็กยืนยันว่าควรแบ่งทรัพย์สินเท่ากัน
กรณีที่ 2: การโต้แย้งพินัยกรรม
นาง ข ทำพินัยกรรมระบุยกทรัพย์สินทั้งหมดให้นาย ค ซึ่งเป็นหลาน แต่ลูกชายของนาง ข อ้างว่าพินัยกรรมดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากนาง ข อยู่ในสภาพไม่สมบูรณ์ทางจิตใจขณะจัดทำพินัยกรรม
วิธีป้องกันข้อพิพาทเบื้องต้นในคดีมรดก
- จัดทำพินัยกรรมอย่างถูกต้อง
- ควรจัดทำพินัยกรรมตามรูปแบบที่กฎหมายกำหนด เช่น พินัยกรรมแบบธรรมดา (มาตรา 1656) ต้องลงลายมือชื่อผู้ทำพินัยกรรมต่อหน้าพยาน 2 คน
- สื่อสารกับทายาทให้ชัดเจน
- เจ้ามรดกควรแจ้งเจตนารมณ์เกี่ยวกับทรัพย์สินของตนให้ทายาทรับทราบ เพื่อลดความเข้าใจผิด
- จ้างทนายความหรือที่ปรึกษากฎหมาย
- การมีผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายช่วยตรวจสอบเอกสารพินัยกรรมจะช่วยให้พินัยกรรมมีความสมบูรณ์
การไกล่เกลี่ยในคดีมรดก
การไกล่เกลี่ยเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยลดข้อขัดแย้งในคดีมรดก โดยมีข้อดีคือช่วยลดค่าใช้จ่ายและเวลาในกระบวนการฟ้องร้อง การไกล่เกลี่ยสามารถดำเนินการได้ดังนี้:
- ไกล่เกลี่ยก่อนฟ้องร้อง
- ทายาททุกฝ่ายสามารถร่วมพูดคุยเจรจาเกี่ยวกับการแบ่งมรดก โดยอาจมีบุคคลที่เป็นกลาง เช่น ผู้ใหญ่ในครอบครัว หรือทนายความช่วยเป็นผู้ไกล่เกลี่ย
- ไกล่เกลี่ยในศาล
- หากมีการฟ้องร้อง ศาลจะส่งเสริมให้คู่กรณีเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยก่อนพิจารณาคดี
ตัวอย่างการไกล่เกลี่ยในคดีมรดก
นาย ก ถึงแก่กรรม มีทรัพย์สินเป็นบ้านและที่ดินโดยไม่มีพินัยกรรม ลูก 2 คนของนาย ก ขัดแย้งกันเรื่องการแบ่งทรัพย์สิน ศาลเสนอให้ทั้งสองฝ่ายเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย โดยทนายความและผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ช่วยประเมินมูลค่าทรัพย์สินและช่วยหาข้อตกลงที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับได้ เช่น แบ่งบ้านให้ลูกคนโต และที่ดินให้ลูกคนเล็ก
บทสรุป
คดีมรดกเป็นคดีที่เกิดจากข้อขัดแย้งเกี่ยวกับการจัดการทรัพย์สินของผู้ตาย วิธีป้องกันข้อพิพาทในมรดกที่ดีที่สุดคือการจัดทำพินัยกรรมที่ถูกต้อง และการพูดคุยเจรจาอย่างเปิดเผย หากเกิดข้อพิพาท การใช้กระบวนการไกล่เกลี่ยเป็นทางเลือกที่ช่วยลดความขัดแย้งและรักษาความสัมพันธ์ในครอบครัว.
#ทนายเชียงใหม่ #ทนายความเชียงใหม่