เมื่อได้รับหมายศาล(ในคดีแพ่ง) ควรทำอย่างไร?
การได้รับ “หมายนัด” จากศาลในคดีแพ่ง หมายความว่าคุณถูกฟ้องหรือเกี่ยวข้องกับคดีแพ่ง และต้องไปศาลตามที่ระบุไว้ในหมาย หากเพิกเฉย อาจทำให้เสียสิทธิทางกฎหมายหรือถูกศาลตัดสินโดยขาดนัด
ดังนั้น ควรดำเนินการตาม ขั้นตอนที่ถูกต้อง เพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง ซึ่งสามารถสรุปได้เป็น 6 ขั้นตอนหลัก ดังนี้
1. ตรวจสอบหมายเรียกและสำเนาคำฟ้อง
เมื่อได้รับหมายจากศาล ต้องตรวจสอบรายละเอียดต่อไปนี้
- ชื่อของโจทก์ และจำเลย – คุณเป็นจำเลยจริงหรือไม่?
- ศาลที่ออกหมาย – เป็นศาลจังหวัด ศาลแขวง หรือศาลแพ่งพิเศษ?
- หมายเลขคดี – ใช้อ้างอิงในเอกสารติดต่อศาล
- วันที่และเวลานัด – ต้องไปศาลตามวันเวลาที่กำหนด
- ข้อกล่าวหาและคำฟ้อง – ศึกษาว่าโจทก์ฟ้องเรื่องอะไร? ต้องชดใช้เงินหรือทำตามสัญญาหรือไม่?
- เอกสารแนบท้าย – ตรวจสอบหลักฐานที่โจทก์แนบมาประกอบคำฟ้อง
หากพบว่า มีข้อมูลผิดพลาด เช่น ชื่อไม่ถูกต้อง หรือคุณไม่เกี่ยวข้องกับคดี ควรแจ้งศาลโดยเร็ว
2. ตัดสินใจว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อเข้าใจข้อกล่าวหาแล้ว ต้องตัดสินใจว่า
- ยอมรับข้อกล่าวหาและเจรจาไกล่เกลี่ย
- หากเห็นว่าหนี้สินถูกต้อง อาจติดต่อโจทก์เพื่อไกล่เกลี่ยก่อนศาลนัด
- หากสามารถเจรจาได้ สามารถขอให้ศาลทำสัญญาประนีประนอม
- ต่อสู้คดี
- ถ้าคิดว่าโจทก์ฟ้องไม่ถูกต้อง สามารถต่อสู้คดีได้
- ต้องเตรียม เอกสารหลักฐาน เพื่อคัดค้านคำฟ้อง
- ไม่ไปศาล (กรณีไม่สนใจสู้คดี)
- ศาลอาจตัดสินโดยขาดนัดให้โจทก์ชนะคดี
- ถ้าคดีเป็นเรื่องการชำระหนี้ ศาลอาจมีคำสั่ง ให้บังคับคดี ยึดทรัพย์ อายัดเงินเดือน
หากต้องการต่อสู้คดี ควรหาทนายความเพื่อช่วยดำเนินการ
3. ยื่นคำให้การต่อศาล (ภายใน 15 วัน)
โดยเป็นไปตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 177 ซึ่งวางหลักว่า เมื่อได้ส่งหมายเรียกและคำฟ้องให้จำเลยแล้ว ให้จำเลยทำคำให้การเป็นหนังสือยื่นต่อศาลภายในสิบห้าวัน
ให้จำเลยแสดงโดยชัดแจ้งในคำให้การว่า จำเลยยอมรับหรือปฏิเสธข้ออ้างของโจทก์ทั้งสิ้นหรือแต่บางส่วน รวมทั้งเหตุแห่งการนั้น
ดังนั้นหากต้องการต่อสู้คดี ต้องยื่นคำให้การภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับหมายเรียก มิฉะนั้น ศาลอาจ พิพากษาโดยขาดนัด
เนื้อหาในคำให้การต้องระบุทำนองว่า
✅ ข้อกล่าวหาของโจทก์ข้อใดเป็นจริง ข้อใดไม่เป็นจริง
✅ เหตุผลที่ปฏิเสธข้อกล่าวหา
✅ พยานหลักฐานที่ใช้โต้แย้ง
หากเขียนไม่เป็น ควรให้ทนายความช่วยร่าง
4. เตรียมตัวสำหรับวันนัดพิจารณาคดี
หลังยื่นคำให้การแล้ว ศาลจะนัดพิจารณาคดี ซึ่งอาจมีขั้นตอนต่อไปนี้
4.1 นัดไกล่เกลี่ย (ถ้ามี)
(เป็นไปตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 20,20ทวิ,20ตรี)
- หากศาลเห็นว่าเป็นคดีที่สามารถไกล่เกลี่ยได้ อาจมีการไกล่เกลี่ยก่อนสืบพยาน
- ถ้าตกลงกันได้ อาจทำ สัญญาประนีประนอมยอมความ
4.2 นัดสืบพยาน
- ถ้าไกล่เกลี่ยไม่สำเร็จ ศาลจะนัดสืบพยาน
- ทั้งโจทก์และจำเลยต้องเตรียมพยานหลักฐานเพื่อยื่นต่อศาล
สิ่งที่ต้องเตรียม:
✅ พยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดี
✅ เอกสาร เช่น สัญญา แชตการสนทนา หลักฐานการโอนเงิน
5. การพิจารณาคดีและคำพิพากษา
(ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 142 – 143)
5.1 กระบวนการพิจารณาคดี
- โจทก์สืบพยานก่อน
- จำเลยสืบพยานโต้แย้ง
- ศาลพิจารณาหลักฐานทั้งหมดและพิพากษา
5.2 คำพิพากษา
- ถ้าศาลพิพากษาให้โจทก์ชนะ จำเลยต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา
- ถ้าจำเลยแพ้คดี สามารถอุทธรณ์ภายใน 30 วัน (ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 223-246)
- หรือขออนุญาตฎีกา (ตาม ป.วิ.แพ่ง มาตรา 247 – 252)
6. ขั้นตอนหลังคำพิพากษา
6.1 ถ้าชนะคดี
- ถ้าโจทก์ชนะและจำเลยไม่จ่ายหนี้ สามารถ ขอบังคับคดี เพื่อยึดอายัดทรัพย์สินหรือสิทธิต่างๆของจำเลยได้
6.2 ถ้าแพ้คดี
- สามารถ อุทธรณ์คำพิพากษาภายใน 30 วัน
- ถ้าไม่อุทธรณ์ ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษา มิฉะนั้น อาจถูกยึดทรัพย์หรืออายัดเงินเดือน
สรุปขั้นตอนเมื่อได้รับหมายนัดคดีแพ่ง
ขั้นตอน | สิ่งที่ต้องทำ | กฎหมายที่เกี่ยวข้องเบื้องต้น |
---|---|---|
1. ตรวจสอบหมายเรียก | ดูรายละเอียดคดี | – |
2. ตัดสินใจ | จะเจรจา ยอม หรือสู้คดี | – |
3. ยื่นคำให้การ | ภายใน 15 วัน | ป.วิ.แพ่ง มาตรา 177 |
4. เตรียมพยานหลักฐาน | นัดไกล่เกลี่ย / สืบพยาน | ป.วิ.แพ่ง มาตรา 20,ทวิ,ตรี/84-105 |
5. เข้ารับการพิจารณาคดี | สืบพยาน / พิพากษา | ป.วิ.แพ่ง มาตรา 170-222/49 |
6. หลังคำพิพากษา | อุทธรณ์ / ฎีกา / บังคับคดี | ป.วิ.แพ่ง มาตรา 223-367 |
ข้อแนะนำสำคัญ
✅ อย่าละเลยหมายนัดศาล เพราะอาจถูกพิพากษาโดยขาดนัด
✅ อ่านคำฟ้องให้ละเอียด และหากมีข้อสงสัยให้ปรึกษาทนายความ
✅ ยื่นคำให้การให้ทันเวลา มิฉะนั้นอาจเสียเปรียบในคดี
✅ เตรียมพยานหลักฐานให้พร้อม เพื่อให้ศาลพิจารณาได้อย่างถูกต้อง
✅ หากจำเลยไม่มีทรัพย์สินหรือสิทธิต่างๆ อาจบังคับคดีไม่ได้ ควรตรวจสอบก่อนฟ้อง
หากได้รับหมายนัดแล้วไม่แน่ใจว่าควรทำอย่างไร แนะนำให้ติดต่อทนายเพื่อขอคำปรึกษาโดยเร็ว
#ทนายเชียงใหม่ #ทนายความเชียงใหม่ #เศรษฐดาราทนายความ